ซีพีเอฟ ใส่ใจสมดุลสิ่งแวดล้อม
ตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน
บริษัท
เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน)หรือ ซีพีเอฟ
เดินหน้าสู่เป้าหมาย “ครัวของโลก”
เน้นกระบวนการผลิตอาหารใส่ใจสมดุลธรรมชาติ
ใช้ทรัพยากรเกิดประสิทธิภาพอย่างคุ้มค่า
ควบคู่ไปกับการลดการสูญเสียตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Ecoomy) เพิ่มสัดส่วนใช้พลังงานทดแทน
การจัดการบรรจุภัณฑ์พลาสติก
สนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ
นายวุฒิชัย
สิทธิปรีดานันท์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส
ด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซีพีเอฟ กล่าวว่า
ในภาวะที่โลกเผชิญวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด 19
เป็นช่วงเวลาที่ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รับการฟื้นฟูจากการหยุดหลากหลายกิจกรรมทั่วโลก
โดยเฉพาะการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทั้งจากกิจกรรมของมนุษย์
ระบบขนส่งและภาคอุตสาหกรรม ส่งผลให้มลพิษลดลง ความหลากหลายทางชีวภาพกลับคืนมา
เราไม่สามารถจะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืนได้
หากยังใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลือง และสร้างผลกระทบต่างๆ นำไปสู่การเสื่อมโทรมอย่างรวดเร็วของสิ่งแวดล้อมโลก
ไม่ว่าโรคระบาดโควิด 19
จะสิ้นสุดลงเมื่อไรก็ตาม การปกป้องและดูแลสมดุลสิ่งแวดล้อม
ยังเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญต่อไป
ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญในการดำเนินธุรกิจและการเติบโตอย่างยั่งยืนของซีพีเอฟ
ภายใต้ วิสัยทัศน์ “ครัวของโลก” เพื่อส่งมอบอาหารคุณภาพ
สะอาด และปลอดภัยสู่ผู้บริโภค โดยนำหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular
Economy) บริหารทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพคุ้มค่า
ทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน เพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียน
การนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ลดการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ไม่จำเป็นและส่งเสริมการใช้วัสดุสำหรับผลิตบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
และลดการสูญเสียในกระบวนการผลิตอาหาร เพื่อสร้างคุณค่าต่อเศรษฐกิจ สังคม
และสิ่งแวดล้อม รวมทั้งสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ
(SDGs)
“ในโอกาสวันสิ่งแวดล้อมโลก 5
มิถุนายน ของทุกปี ซีพีเอฟ ในฐานะบริษัทผู้ผลิตอาหารชั้นนำระดับโลก
เราให้ความสำคัญกับอาหารทุกคำที่บริโภคต้องปลอดภัย
และมาจากกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
เพราะเราตระหนักดีว่าสมดุลของชีวิตมาจากสมดุลของธรรมชาติที่ทุกคนต้องออกมาช่วยปกป้องและรักษาให้เหมือนกับที่ทุกคนดูแลตัวเองในทุกๆวัน
”
ซีพีเอฟ
ใช้ทรัพยากรน้ำตลอดกระบวนการผลิตบนพื้นฐานแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน อาทิ
ในฟาร์มเลี้ยงกุ้งบางสระเก้าและฟาร์มร้อยเพชร นำระบบไบโอฟลอค(Bio-Floc)ซึ่งเป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่สามารถบำบัดสารละลายไนโตรเจนที่เกิดจากของเสียที่ขับถ่ายจากกุ้ง
ลดการเปลี่ยนถ่ายน้ำในระหว่างการเลี้ยง ทำให้การใช้น้ำลด 70 % เทียบกับการเลี้ยงกุ้งโดยทั่วไป
และนำเทคโนโลยี Ultra Filtration (UF) กรองน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้ว หมุนเวียนกลับมาใช้เลี้ยงกุ้งมากกว่า
90 % เป็นต้น
นอกจากนี้ บริษัทฯ
ให้ความสำคัญกับการลดปริมาณขยะพลาสติก โดยในปี 2563
บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่นำมาใช้บรรจุอาหารในประเทศไทยสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำ (reusable)
หรือ นำกลับมาใช้ใหม่ (recycle) แล้ว
100% และในปีนี้ ยังได้ดำเนินการเพื่อลดการสูญเสียอาหารและการจัดการขยะอาหารในกระบวนการและห่วงโซ่อุปทานการผลิตอาหาร
โดยเริ่มโครงการนำร่องในธุรกิจไก่เนื้อ
ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีปริมาณการส่งออกสูงสุดเพื่อเป็นต้นแบบของการดำเนินงาน
และจะขยายผลไปยังกลุ่มธุรกิจอื่นๆ ต่อไป
นายวุฒิชัย
สิทธิปรีดานันท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า
บริษัทฯมุ่งมั่นมีส่วนร่วมลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ผ่านการส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน
โดยปัจจุบันสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนอยู่ที่ 26 % ของพลังงานที่ใช้ทั้งหมด
ผ่านการดำเนินโครงการต่างๆ อาทิ โครงการพลังงานจากชีวมวล
ซึ่งโรงงานอาหารสัตว์บกและสัตว์น้ำนำวัสดุเหลือทิ้ง เช่น เศษไม้ ขี้เลื่อย
ซังข้าวโพด มาใช้เป็นเชื้อเพลิงทดแทนถ่านหินในหม้อไอน้ำ
โดยตั้งเป้ายกเลิกการใช้ถ่านหินภายในปี 2565
โครงการพลังงานจากก๊าซชีวภาพ ฟาร์มสุกรของซีพีเอฟทั้งหมด นำน้ำเสียและมูลสัตว์
นำมาบำบัดผ่านระบบบำบัดน้ำเสีย
ได้ก๊าซชีวภาพสามารถนำไปผลิตไฟฟ้ากลับมาใช้ภายในสถานประกอบการ
โครงการพลังงานแสงอาทิตย์
โดยโรงงานอาหารสัตว์ ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ โรงงานอาหารแปรรูป โรงงานอาหารสำเร็จรูป
และศูนย์กระจายสินค้า รวม 24 แห่ง ติดตั้งแผง Solar PV บนหลังคา
(โซลาร์รูฟท็อป) เพื่อผลิตไฟฟ้าใช้ภายในกระบวนการผลิต โดยมีกำลังการผลิตทั้งหมด 15
เมกะวัตต์ และคาดว่าจะดำเนินการผลิตไฟฟ้าได้เต็มประสิทธิภาพภายในปี 2563
ทั้งนี้ ผลจากการปรับเปลี่ยนมาใช้พลังงานหมุนเวียนตลอดกระบวนการผลิตมากขึ้น
ทำให้ในปี 2562 สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 425,000
ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี
ในด้านสังคม บริษัทฯ ดำเนินโครงการ “ซีพีเอฟ
รักษ์นิเวศ ลุ่มน้ำป่าสัก เขาพระยาเดินธง ” อนุรักษ์และฟื้นฟูป่า
ในพื้นที่เขาพระยาเดินธง ต.พัฒนานิคม อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี 5,971
ไร่ (ปี 2559-2563) ปริมาณการกักเก็บคาร์บอนจากการอนุรักษ์ ปกป้อง
และฟื้นฟูป่าไม้ 39,690 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี
สิ่งที่ซีพีเอฟดำเนินโครงการต่างๆเหล่านี้
เป็นความมุ่งมั่นมีส่วนร่วมดูแลสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ
ซึ่งเป็นต้นทางในการผลิตอาหาร เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารของมนุษยชาติอย่างยั่งยืน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น