ผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์พระเครื่องพระกรุฯ
ร้องขอความเป็นธรรม
ถูกหลอกไปเปิดพิพิธภัณฑ์ที่ภูเก็ต
แถมโดนข้อหาฉ้อโกง
นายภูมิฐิติพัฒน์อินทปัตย์ เทพหัสดิน
เจ้าของพิพิธภัณฑ์พระเครื่องพระกรุฯ ร้องสื่อถูกเจ้าหน้าที่รัฐหลอกและรังแก
เตรียมพร้อมทนายร้องขอความช่วยเหลือจากศูนย์ดำรงธรรม
หลังปรึกษาผู้ใหญ่ต้องเดินหน้าในสิ่งที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ
แต่ต่อมาได้มีนักธุรกิจรายหนึ่งนามสมมุติว่า นาย
”อ."
ได้มาชวนทำธุรกิจ เชิญชวนให้เปิดพิพิธภัณฑ์ที่ภูเก็ต ใช้กลอุบายบอกว่าจะช่วยให้มีรายได้เดือนละ
2-3 ล้านบาท
แต่มีเงื่อนไขต้องเอาวัตถุโบราณของตน เช่น หยกจีนโบราณแกะสลักและพระเครื่องจำนวนมาก
มาให้เขาไปโชว์หรือแสดงก่อน ตนก็หลงเชื่อ จึงเอาวัตถุโบราณดังกล่าวที่มีมูลค่ามหาศาลให้ไป
แต่เมื่อให้ไปแล้วก็ไม่ได้ทำตามคำพูดที่บอกว่าจะให้เดือนละ 2-3
ล้านจากการเอาทรัพย์สินหยกแกะสลักมูลค่าเป็น 100 ล้านบาท แต่ให้มาเพียง 2 ล้านกว่าบาทเพียงครั้งเดียว แล้ว นาย ”อ.” ยังไปแจ้งความหาว่าข้าพเจ้ากับภรรยาร่วมกันฉ้อโกงอีก
จากเหตุการณ์ดังกล่าวข้างต้น ข้าพเจ้าจึงได้ไปร้องทุกข์ขอวามเป็นธรรมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
ท่านรัฐมนตรีฯ ก็ได้มอบหมายให้กรมคุ้มครองและเสรีภาพประสานเชิญนักธุรกิจนามสมมุติที่ชื่อว่า
นาย”อ.” มาไกล่เกลี่ย ข้อพิพาทกันที่กรมคุ้มครองสิทธิฯ และทั้ง 2
ฝ่ายได้ตกลงกันว่าจะนำเงินและทรัพย์สินมาแลกเปลี่ยนกัน ณ กรมคุ้มครองสิทธิ
แต่ปรากฏว่า นาย ”อ” ไม่มีทรัพย์สินมาคืนให้แก่ข้าพเจ้า
ส่วนข้าพเจ้ามีเงินพร้อมที่จะคืนให้แก่ นาย ”อ”
ระหว่างนั้น ข้าพเจ้าได้พยาพยามร้องขอความเป็นธรรมต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ
สน.ทองหล่อ ยศพันตำรวจโทนามว่า “พ.” แต่คดีก็ไม่มีความคืบหน้า จึงได้ไปร้องทุกข์ต่อผู้กำกับการ
สน.ทองหล่อ เพื่อปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวนที่ข้าพเจ้าได้ไปร้องทุกข์แจ้งความไว้
และก็ได้เปลี่ยนพนักงานสอบสวนใหม่ คดีก็คืบหน้า
แต่หลังจากนั้นได้ไม่นานก็มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจยศพันตำรวจโทคนเดิมนามว่า “พ.” กลับมารับผิดชอบในคดีนี้อีก
ซึ่งจนถึงขณะนี้ข้าพเจ้ากลัวไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเรื่องดังกล่าวจึงปรึกษาทนายและไปร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางฯ
ในข้อหาปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบแล้วเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา
และเตรียมไปร้องขอความเป็นธรรมต่อศูนย์ดำรงธรรมด้วย เพราะเราถูกหลอกเอาของไปแล้วไม่คืน แล้วยังมากลั่นแกล้งเราอีก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น