กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
จับมือ กระทรวงสาธารณสุข
สร้างมาตรฐานท่องเที่ยวมั่นใจปลอดภัยด้วยสาธารณสุข
มอบสัญลักษณ์ “SHA” แก่ผู้ประกอบการที่ผ่านเกณฑ์
นายพิพัฒน์
รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายโชติ ตราชู
ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
และนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
ร่วมกันแถลงข่าวโครงการยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย
หรือ Amazing Thailand Safety & Health Administration : SHA โดยความร่วมมือของกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
และภาคเอกชนเพื่อยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมท่องเที่ยวควบคู่มาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย
โดยมีผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงานฯ ณ
ห้องแกรนด์ บอลรูม ชั้น 2 โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก
ถนนวิทยุ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร
นายพิพัฒน์
รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
กล่าวว่า จากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
หรือ โควิด-19 ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2563
ที่ผ่านมา ทำให้ทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยมีจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจำนวนมาก
แต่นับจากปลายเดือนเมษายนจนถึงเดือนพฤษภาคมนี้
ประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะสามารถควบคุมโรคได้ดีขึ้นตามลำดับ
ซึ่งเป็นผลจากการดำเนินมาตรการด้านการควบคุมโรคที่ใช้หลายมาตรการควบคู่กัน
และที่สำคัญเกิดจากความร่วมมือของประชาชนทุกคน และทุกภาคส่วนเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโรค
อีกทั้งยังเห็นภาพของการช่วยเหลือกันอีกด้วย ซึ่งในขณะนี้ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ
ศบค. ได้มีการผ่อนปรนมาตรการป้องกันโรคและกำหนดแนวทางปฏิบัติที่เป็นมาตรฐานกลางของแต่ละกิจการและกิจกรรม
โดยคำนึงถึงปัจจัยด้านสาธารณสุขเป็นหลัก และพิจารณาปัจจัยด้านสังคมและเศรษฐกิจเพิ่มเติม
เพื่อให้ประชาชนและผู้ประกอบการได้มีการปรับตัวให้สอดคล้องกับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคและสามารถเดินทางได้มากขึ้นในการผ่อนปรนระยะถัดไป
ให้ประเทศไทยผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขมีความยินดีอย่างยิ่ง
ที่จะร่วมมือและสนับสนุนการสร้างความเชื่อมั่นให้กับการท่องเที่ยวของประเทศไทย
ที่จะกลับมาเป็นประเทศผู้นำด้านการท่องเที่ยวของโลกอีกครั้ง
นายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
กล่าวว่า จากวิกฤติดังกล่าว
อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมแรกที่ได้รับผลกระทบและอาจจะเป็นอุตสาหกรรมสุดท้ายที่ฟื้นกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
ซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องปรับตัวครั้งสำคัญเพื่อให้เกิดความยั่งยืนในอนาคต
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจึงได้มอบหมายให้ การการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ปรับนโยบายให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีภายใต้พันธกิจของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) โดยนโยบายเร่งด่วนที่สำคัญ คือ
การยกระดับมาตรฐานด้านความสะอาดและสุขอนามัย ตามแนวคิด “ซ่อม-สร้าง”
เพื่อกระตุ้นให้สถานประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้เตรียมความพร้อมในการปรับปรุงเพื่อให้สอดคล้องกับวิถีปกติใหม่
(New Normal) ที่ไม่เพียงแต่การนำเสนอสินค้าและบริการที่ดีเหมือนอย่างที่เคยปฏิบัติกันมา
ยังมีความจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย
เพื่อลดความเสี่ยงจากการแพร่กระจายของโรคติดต่อไวรัสโควิด-19
และการสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและ ชาวต่างประเทศในการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศไทยอย่างมีความสุข
และมีประสบการณ์ที่ดี
และทำให้การท่องเที่ยวเป็นอีกหนึ่งเสาหลักทางเศรษฐกิจที่มั่นคงและยั่งยืนต่อไป
แพทย์หญิงพรรณพิมล
วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย
กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมอนามัย
ยินดีอย่างยิ่งที่จะสนับสนุนหน่วยงานต่างๆ ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในการสร้างความมั่นใจด้านสุขอนามัยให้การเปิดบริการกิจการต่างๆ
โดยการกำหนดแนวทางการป้องกันโรค เชื่อว่าด้วยความร่วมมือของทุกภาคส่วนจะช่วยทำให้ภาคการท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัวได้โดยเร็ว
และสิ่งสำคัญทุกคนต้องมีการปรับตัวและพัฒนายกระดับด้านสุขอนามัยและสุขาภิบาล (Hygiene
and Sanitation) ให้ดียิ่งขึ้น เพราะเป็นปัจจัยสำคัญพื้นฐานที่จำเป็นต่อการป้องกันโรคติดต่อต่างๆ
อีกทั้งต้องอำนวยความสะดวกที่เอื้อต่อการใช้ชีวิตวิถีใหม่ของนักท่องเที่ยวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขและการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ร่วมกันจัดทำมาตรฐาน SHA
เรียบร้อยแล้ว และกรมอนามัยยังมีคู่มือและแนวทางการดำเนินงานที่พร้อมสนับสนุนสถานประกอบการในภาคการท่องเที่ยวและการกีฬา
นอกจากนี้ ยังมีทีมเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ทั้งระดับเขตจังหวัด อำเภอ
ที่มีความรู้และสามารถให้คำแนะนำด้านการป้องกันโรค สุขลักษณะ สุขาภิบาล
และอนามัยสิ่งแวดล้อมได้ อีกทั้งยังมีคณะกรรมการร่วม 2
กระทรวง ที่ขับเคลื่อนร่วมกันที่จะจัดทำแผนการงานอย่างต่อเนื่อง
ถึงแม้ขณะนี้
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ของไทยจะดีขึ้น
แต่ประชาชนทุกคนยังต้องสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย
เมื่อออกจากบ้านหรือเดินทางท่องเที่ยว ล้างมือบ่อย ๆ และเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลอย่างน้อย
1 เมตร
ส่วนผู้ประกอบการก็ต้องให้ความสำคัญเรื่องการทำความสะอาดอาคาร สถานที่
บริเวณโดยรอบและบริเวณที่อาจมีการปนเปื้อนหรือมีการสัมผัสบ่อยๆ ด้วยน้ำยาทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ
จึงจะมั่นใจได้ว่าสภาพแวดล้อมต่างๆ ในภาคการท่องเที่ยว เอื้อต่อการมีสุขภาพดี
จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้บริการได้อย่างดี
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) กล่าวในรายละเอียดว่า
โครงการยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย
หรือ Amazing Thailand Safety & Health Administration : SHA คือ
ความตั้งใจของ ททท.
ที่จะสร้างความเชื่อมั่นและมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวหรือผู้มาใช้บริการหลังจากสถานการณ์โควิด-19
อยู่ในระดับที่ปลอดภัยสำหรับการเดินทาง
ด้วยการกระตุ้นให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้ดำเนินการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงทั้งด้านการบริการและด้านสุขอนามัยให้เป็นไปตามมาตรการทางสาธารณสุข
โดยกิจการที่สามารถขอรับมาตรฐาน SHA แบ่งเป็น 10
ประเภทกิจการ ดังนี้
1. ประเภทภัตตาคาร/ร้านอาหาร
2. ประเภทโรงแรม/ที่พักและสถานที่จัดประชุม 3.
ประเภทนันทนาการและสถานที่ท่องเที่ยว 4.
ประเภทยานพาหนะ 5. ประเภทบริษัทนำเที่ยว
6. ประเภทสุขภาพและความงาม 7. ประเภทห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้า
8. ประเภทกีฬาเพื่อการท่องเที่ยว 9.ประเภทการจัดกิจกรรม
การจัดประชุม (MICE) โรงละคร โรงมหรสพ และ 10. ประเภทร้านค้าของที่ระลึกและร้านค้าอื่นๆ
โดยได้มีมาตรฐานเบื้องต้นจากกรมควบคุมโรคของทุกสถานประกอบการ มี 3
องค์ประกอบ คือ 1. สุขลักษณะอาคารและอุปกรณ์เครื่องใช้ที่มีอยู่ในอาคาร
2. การจัดอุปกรณ์ทำความสะอาดเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรค
และ 3. การป้องกันสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน
ทั้งนี้ มีรายละเอียดของมาตรฐานเฉพาะประเภทกิจการเพิ่มเติม โดยผู้ที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานจะได้รับตราสัญลักษณ์
SHA ต่อไป
การการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) จะเป็นผู้ควบคุมการออกตราสัญลักษณ์โดยการระบุหมายเลขของตราสัญลักษณ์ SHA
ให้แก่ผู้ประกอบการเพื่อบันทึกเป็นฐานข้อมูลรายชื่อ
ซึ่งมีอายุ 2 ปี และหากพบว่าผู้ประกอบการไม่สามารถรักษามาตรฐาน
SHA ได้
ในเบื้องต้นจะแจ้งให้ผู้ประกอบการพัฒนาและปรับปรุง
หากยังไม่สามารถรักษามาตรฐานได้ก็จำเป็นต้องเพิกถอนตราสัญลักษณ์และตัดรายชื่อออกจากฐานข้อมูล
SHA
สำหรับสถานประกอบการที่สนใจเข้าร่วมโครงการจะไม่เสียค่าใช้จ่ายใด
โดยสามารถศึกษาแนวทางปฏิบัติตามมาตรฐาน SHA ซึ่งดาวน์โหลดเป็น e-Book ได้ที่ https://thailandsha.tourismthailand.org/ebook
จากนั้นปรับปรุงสถานประกอบการให้เป็นไปตามมาตรฐาน SHA และสมัครขอรับการตรวจและรับตราสัญลักษณ์
SHA ได้ที่ www.tourismthailand.org/thailandsha
หลังจากนั้น พันธมิตรของโครงการ เช่น สภา สมาพันธ์ หรือสมาคมต่างๆ
ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ผู้ประกอบการนั้นๆ เป็นสมาชิก
จะเป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบ (Checklist) และให้การรับรองว่าผู้ประกอบการได้ดำเนินการตามมาตรฐาน
SHA หรือหากไม่เป็นสมาชิกของสมาคมท่องเที่ยวใด ททท.
จะประสานผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ตรวจสอบ ทั้งนี้ ททท.
จะเป็นผู้รวบรวมขั้นตอนสุดท้ายก่อนมอบตราสัญลักษณ์ ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 2 -
3 สัปดาห์
นอกจากนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้ช่วยตรวจสอบสถานประกอบการหรือกิจการที่ได้รับสัญลักษณ์
SHA อีกทางหนึ่ง เพื่อเป็นเสียงสะท้อน (Voice
of Customers : VOC) จากการใช้บริการ นอกจากนี้ มีคณะกรรมการตรวจสอบมาตรฐาน SHA ประกอบด้วยกรมอนามัย
สาธารณสุขจังหวัด กรมการท่องเที่ยว การการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
(องค์การมหาชน) (อพท.) สุ่มตรวจประเมินเป็นระยะอีกด้วย
สำหรับผู้ที่ได้รับรองมาตรฐาน
SHA ททท.
จะประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งนี้ ททท.
ได้เปิดให้ลงทะเบียนเพื่อเข้ารับการตรวจสอบตามมาตรฐาน SHA ตั้งแต่วันที่
18 พฤษภาคม 2563
เป็นต้นมาในขณะนี้มีผู้สนใจทยอยลงทะเบียนจำนวนมาก สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ทาง
thailandsha@gmail.com หรือ Line Official :
@thailandsha และ
1672 เพื่อนร่วมทาง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น